Page 4 of 5

วิธีลดต้นขาแบบเร่งด่วน

ถ้าพูดถึง “ต้นขา” สำหรับผู้หญิงอย่างเราแล้ว ถือเป็นสิ่งที่ใครหลายๆคนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าใครก็อยากมีต้นขาที่เรียว กระชับเข้ารูปกันทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีขาเรียวอย่างที่ต้องการ เพราะต้นขาของเรานั้นจะมีขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ล้วนขึ้นอยู่กับปัจจัยและสาเหตุต่าง ๆ มากมั้ย แต่ไม่ต้องกังวลไป วันนี้เรามีวิธีลดต้นขามาฝาก ไปดูกันเลย

วิธีลดต้นขาให้ได้ผล

1.เลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม
รับประทานอาหารผักและผลไม้ทุกวันให้ครบ 3 มื้อ หลีกเลี่ยงการรับประทานข้าวขัดสี ขนมปังขาว เค้ก น้ำหวาน น้ำอัดลม ของทอด อาหารที่มีไขมัน ส่วนของนึ่ง ต้ม ลวก กินได้ และที่สำคัญควรดื่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกายหรือวันละ 8 แก้ว

2.การออกกำลังกาย
เป็นสิ่งสำคัญมากพอกับการรับประทานอาหารสุขภาพ ซึ่งท่าบริหารลดต้นขาโดยเฉพาะก็มีหลายท่า แต่ควรทำเป็นประจำทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ต้นขาของคุณจะลดลงอย่างแน่นอน แม้อาจจะไม่เล็กลงทันใจ แต่มันจะทำให้คุณมีความสุขกับร่างกายที่แข็งแรงอย่างแน่นอน

3.เครื่องออกกำลังกายลดต้นขา
เครื่องออกกำลังกายลดต้นขามีหลากหลายชนิดให้เลือก แต่ที่แนะนำคือจักรยานไฟฟ้า

4.นวดลดต้นขาสลายเซลลูไลท์
การนวดด้วยน้ำมัน เจลลดต้นขา ครีมลดต้นขา หรือครีมกระชับต้นขา โดยนำมานวดคลึงต้นขาไปเรื่อยๆ ประมาณ 20-30 นาทีต่อวัน ก็สามารถช่วยสลายเซลลูไลท์ที่สะสมตามต้นขาและทำให้ต้นขาเล็กลงได้

5.ดูดไขมัน
การดูดไขมัน เป็นกระบวนการศัลยกรรมเพื่อความงาม ที่ใช้เทคนนิคในการกำจัดไขมันส่วนเกิน ชั้นใต้ผิวหนังออกจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งเป็นจุดที่ลดไขมันได้ยาก แม้จะควบคุมอาหารหรือออกกำลังกายแล้ว เช่น ต้นขา แต่การดูดไขมันไม่ได้ช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก เป็นเพียงการปรับรูปร่าง สัดส่วน ให้ออกมาเป็นที่ต้องการ เช่น สาวๆ ที่ต้องการอยากมีต้นขาที่เล็กลง ก็สามารถดูดไขมันต้นขาได้

หลายๆคนลองแก้ปัญหาเหล่านี้ ด้วยการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก แต่ต้นขาก็ยังไม่ลดสักที ดังนั้นตัวช่วยที่สำคัญคือ การดูดไขมันต้นขา โดย Marvelous Clinic คลินิกดูดไขมัน ที่พร้อมให้คำปรึกษาและขอคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมากประสบการณ์ในการดูดไขมันต้นขา รับรองได้ว่า สะอาด ปลอดภัย และได้รับมาตรฐานอย่างแน่นอน สามารถสอบถามดูรายละเอียดเกี่ยวกับดูดไขมันต้นขาได้ที่ https://marvelousclinic.com

ต้นเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมร่วง

เรื่องความสวยความงามกับผู้หญิงเป็นของคู่กัน ก่อนจะออกจากบ้านในทุกๆวัน ต้องใช้เวลาในการเสริมสวยกันนาน ตั้งแต่ใบหน้าจนไปถึงทรงผม แต่จะทำอย่างไรหากเส้นผมเริ่มหลุดร่วงมากกว่าปกติ ทำให้การเซ็ตผมในแต่ละวันนั้นยุ่งยาก ก่อนที่จะสายเกินแก้ เรามาดูต้นเหตุที่ทำให้ผู้หญิงผมร่วง เพื่อหาทางป้องกันและรักษากันนะคะ

1.ความเครียด
ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเครียดที่เกิดจากงาน ปัญหาครอบครัว และปัญหาความสัมพันธ์ ก่อให้เกิดความเครียดรุนแรง ซึ่งทำให้ Telogen Effluvium หรือเป็นอาการผมร่วงเฉียบพลันเป็นหย่อมๆ จำนวนมากในระยะสั้น หรือในบางคนที่มีอาการเครียดมาจนต้องดึงผมของตัวเอง ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้มักจะเกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยจะเกิดในคนที่มีความวิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ และมาระบายความเครียดด้วยการดึงผมของตนเอง

2.การตั้งครรภ์
อาการผมร่วงประเภทนี้มักเกิดในช่วงหลังคลอดบุตร สาเหตุมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลง รวมไปถึงอาการบาดเจ็บ เสียเลือดขณะที่คลอดบุตร ทำให้ผมค่อยๆเปลี่ยนไปอยู่ในช่วงพักและหลุดร่วงออกไปจากศีรษะ คุณแม่หลังคลอดมีอาการผมร่วงได้ถึงวันละ 400-500 เส้นเลยทีเดียว จากปกติจะร่วงวันละไม่เกิด 100 เส้น แต่อย่างไรก็ตามไม่ต้องกังวลไป เพราะผมเส้นใหม่จะขึ้นมาแทนที่และกลับสู่สภาวะปกติในเวลาประมาณ 6-12 เดือนหลังคลอด ถือว่าเป็นภาวะปกติและเกิดชั่วคราวเท่านั้น

3.การขาดสารอาหาร
การควบคุมอาหารเพื่อสุขภาพ หากรับประทานถูกหลักโภชนาจะทำให้หุ่นดี พร้อมกับมีสุขภาพที่แข็งแรงแต่โดยส่วนใหญ่แล้ว สาวๆมันจะควบคุมน้ำหนักโดยการอดอาหาร เพื่อลดน้ำหนักและได้รับข้อมูลผิดๆเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหาร เช่น เลือกรับประทานเนื้อสัตว์น้อยลง ซึ่งทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารจำพวกโปรตีนไม่เพียงพอ ร่างกายจะต้องไปแย่งโปรตีนจากหนังศีรษะและเส้นผมมาใช้ ทำให้เส้นผมหยุดการเจริญเติบโต

4.ร้านทำผม
ผู้หญิงส่วนใหญ่มีความสุขและรู้สึกผ่อนคลายเวลาเข้าร้านทำผม ไม่ว่าจะเป็นการทำสีผม การม้วนผม การยืด หรือแค่ไปนอนสระผมเพลินๆ อบไอน้ำ ทำทรีเม้นต์ต่าง ๆ หากทำสิ่งเหล่านี้บ่อย ๆ จะทำให้ขาดการบำรุงและรับแต่เพียงเคมีเข้าสู่เส้นผมตลอดเวลา จนทำให้เส้นผมเปราะบาง แห้งกรอบและหลุดร่วงจำนวนมาก

5.สระผมผิดวิธี
การสระผมและเกาหัวแรงๆ ไม่ได้ช่วยทำให้ผมสะอาดมากขึ้น แต่เป็นการทำให้หนังศีรษะเกิดแผลและการติดเชื้อตามมาได้และการที่สระผมบ่อยเกินไป ทำให้เคมีจากยาสระผมไปสะสมที่บริเวณหนังศีรษะหรือการสระผมที่เร็วเกินไป เมื่อล้างผมไม่สะอาดก็จะทำให้เกิดการหมักหมมและเกิดเชื้อราบนหนังศีรษะได้อีกด้วย

รู้สาเหตุกันแล้ว อย่าลืมดูแลรักษาเส้นผมของตัวเองให้ดีๆ ผมสวยๆ จะได้อยู่กับเราไปนานๆ นะคะ หากใครอยากหาตัวช่วยเสริมในการลดผมร่วง เราขอแนะนำยาสระผมแก้ผมร่วงหรือยาสระผมลดผมร่วง Dr Mokan ซึ่งเป็นเวชสำอางดูแลเส้นผมจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยสารสกัดจากพืชที่หายากที่จะช่วยดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้แข็งแรง สอบถามรายละเอียดยาสระผมแก้ผมร่วงหรือยาสระผมลดผมร่วงได้ที่ https://www.dr-mokan.com/

ประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายเหมาะกับใครบ้าง

อย่างที่หลายคนรู้กันดีว่า ตอนนี้มีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายแล้ว ซึ่งทำออกมาเพื่อลดข้อจำกัดของประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะ คือ จ่ายเบี้ยเพื่อรับวงเงินการรักษาแบบครอบคลุมเป็นก้อนใหญ่ จะจ่ายอะไรก็ไม่ต้องแจกแจง ขอแค่ไม่เกินวงเงินที่กำหนดไว้ก็พอแล้ว แบบนี้จึงเข้าใจได้ง่าย แล้วก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการจ่ายเงินส่วนต่างที่เกินเงื่อนไขของประกันอีกด้วย พอมองรวมๆ แล้วจึงเหมือนกับว่าประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายนั้นดีกว่า แล้วแบบนี้ใครจะทำประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายอยู่อีก

กลุ่มคนที่ทำประกันสุขภาพแบบแยกค่าใช้จ่ายแล้วคุ้มกว่า

            พื้นฐานของการทำประกันสุขภาพก็คือ เลือกแผนที่คุ้มครองในส่วนที่เราต้องการเท่านั้นพอ แต่ขอให้มีระดับความคุ้มครองดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ ส่วนอื่นใดไม่เกี่ยวข้องให้ตัดทิ้งไปเลย เมื่อเป็นแบบนี้ คนที่อยู่ในวัยทำงาน ซึ่งมีสวัสดิการบางส่วนขององค์กรอยู่แล้ว หากทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ก็จะมีบริการส่วนทับซ้อนที่ไม่จำเป็น สู้เลือกทำประกันเฉพาะที่ตรงความต้องการของเราดีกว่า นอกจากจะไม่สับสนตอนเคลมประกันแล้ว ก็ยังลดเบี้ยลงไปได้ด้วย

ประกันสุขภาพแบบนี้เหมาะกับคนที่มีเงื่อนไขจำกัด

          แม้ว่าการใช้ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะค่อนข้างสะดวกสบาย แถมมีสิทธิประโยชน์หลากหลายที่ครอบคลุมทุกด้าน แต่มันก็มาพร้อมการจ่ายเบี้ยประกันที่สูงตามไปด้วย ยิ่งจัดเซตใหญ่เท่าไร ก็ยิ่งต้องจ่ายเบี้ยมากเท่านั้น คนที่มีงบค่อนข้างจำกัดก็จะเหมาะกับแผนแบบแยกมากกว่า เพียงแค่ต้องใส่ใจดูในรายละเอียดให้ชัดเจนว่าวงเงินในแต่ละส่วนจะตอบโจทย์เราได้หรือไม่

            อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวหลายคนก็น่าจะไปจบที่การทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย เพราะเมื่อเราอายุมากขึ้น ค่ารักษาพยาบาลมันก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ในตอนเริ่มต้นที่เรายังอยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว การทำประกันแบบแยกจ่ายก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เอาไว้เมื่อพร้อมมากขึ้น และรู้สึกว่าตัวเองมีความเสี่ยงด้านสุขภาพมากขึ้น ค่อยยกระดับการทำประกันก็ยังไม่สายเกินไป

5 ไอเดียปรับแต่งบ้านให้ผ่อนคลายสไตล์ธรรมชาติ

ธรรมชาติถือเป็นสิ่งที่สำคัญในชีวิตมนุษย์ และในปัจจุบันคนส่วนมากได้หันมาสนใจและอยากที่จะใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเราอยู่บ้านที่ให้ความรู้สึกว่าอยู่กับธรรมชาติตลอดเวลาก็คงจะดีไม่น้อย ทำให้เป็นบ้านที่น่าอยู่และน่าพักผ่อนมากยิ่งขึ้น วันนี้เรามีไอเดียแต่งบ้านสไตล์ธรรมชาติมาฝากกันค่ะ

1.ของตกแต่งจากธรรมชาติ
ของตกแต่งที่ทำมาจากเครื่องจักรสาน หวาย สิ่งของเหล่านี้ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ลองเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากธรรมชาติมาตกแต่งบ้านดูสิ จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายเมื่อได้เห็นสิ่งของได้อย่างไม่น่าเชื่อ

2.กระถางต้นไม้เพิ่มความสดชื่น
เพิ่มความสดชื่นให้บ้านคุณด้วยกระถางต้นไม้ในมุมต่างๆ เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านของคุณผ่อนคลายและสบายตามากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเพื่อการเจริญเติบโตที่ดีของต้นไม้ เราควรศึกษาคุณลักษณะของต้นไม้แต่ละชนิดให้ดีรวมไปถึงวิธีการดูแล

3.ใช้สีที่เป็นธรรมชาติ
สีเขียวทำให้เรานึกถึงต้นไม้ ใบหญ้า สีฟ้าทำให้เรานึกถึงสายน้ำ ท้องฟ้า สีเหลืองให้ความรู้สึกสดชื่นเหมือนพระอาทิตย์ที่กำลังส่องแสงสว่าง ส่วนสีพื้นอย่าง สีขาว สีเบจ ให้ความสบายตา ความเป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ ลองใช้สีเหล่านี้ตกแต่งกำแพง ผ้าม่าน หน้าต่าง อาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่กับธรรมชาติตลอดเวลา

4.พื้นไม้ธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นไม้โอ๊คหรือไม้ไผ่ มักนิยมมาทำพื้นบ้านเพราะทำให้รู้สึกอบอุ่นและเหมือนได้สัมผัสกับธรรมชาติจริงๆ หากคุณลองใช้ไอเดียนี้ในการตกแต่งบ้าน พื้นไม้เหล่านี้ก็น่าสนใจมากเลยทีเดียว

5.เปลี่ยนบรรยากาศในบ้านให้เป็นสปา
กลิ่นไม้หอมหรือกลิ่นดอกไม้ เป็นกลิ่นที่ช่วยผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี เป็นสปาชั้นดีที่ทำได้ที่บ้าน ช่วยให้ร่างกายและจิตใจรีแล๊กซ์ เราสามารถหาซื้อพวกเทียนหอม ธูปหอม หรือกำยานมาวางใว้ในบ้าน เพื่อส่งกลิ่นหอมแล้วเปิดเพลงคลอเบาๆ ให้ความรู้สึกดีไม่ใช่น้อยเลยนะ

ลองนำไอเดียเหล่านี้ไปลองปรับใช้กันดูนะคะ แต่ถ้าหากคุณได้อาศัยอยู่ในโครงการที่พักอาศัยท่ามกลางธรรมชาติ ที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว การได้เห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสบายตาเมื่อมองออกไปข้างนอกทำให้เรามีความสุขได้อย่างไม่น่าเชื่อ อย่างโครงการ The Forestias ที่มีผืนป่าขนาดใหญ่ พื้นที่ 30 ไร่ ที่เริ่มปลูกตั้งแต่เป็นเมล็ดและต้นกล้า ที่สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ระบบนิเวศน์ การนำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชนและพื้นที่ที่เป็นเมืองอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ยังมี ฟอเรสต์ พาวิลเลียน (Forest Pavilion) ศูนย์การเรียนรู้ ที่เปรียบเสมือนห้องสมุดมีชีวิตขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูลด้านระบบนิเวศวิทยา นำเสนอเรื่องระบบนิเวศอย่างยั่งยืน ยังเปิดต้อนรับนักเรียน นักศึกษา และผู้ที่สนใจเรื่องราวของธรรมชาติเข้ามาชมนิทรรศการและนวัตกรรมในรูปแบบต่างๆ ซึ่งนอกจากลูกบ้านแล้วทางศูนย์การเรียนรู้ยังเปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาศึกษาระบบนิเวศภายในศูนย์และโครงการบางส่วนด้วย โดยโครงการคุณภาพแห่งนี้ตอบโจทย์ความเชื่อที่ว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับความมหัศจรรย์อันหลากหลายของธรรมชาติมากยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งที่ส่งมอบการมีสุขภาพดีและความสุขให้กับผู้คนได้

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.mqdc.com/th/our-business/theme-project/theforestias

เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียก่อนคิดจะ ดูดไขมันหมอลูกหนู

ในการดูดไขมันเป็นการกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่เป็นปัญหาของสาว ๆ หลายคนที่มีหุ่นไม่สมส่วน ให้กับมาหุ่นสวยเปะปัง ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่หลาย ๆ คนต่างให้ความสนใจ แต่ก่อนที่จะทำการ ดูดไขมันหมอลูกหนู เรามาเปรียบเทียบกันก่อนว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง

ข้อดีข้อเสีย ของการ ดูดไขมันหมอลูกหนู ที่สาว ๆ ต้องรู้
ก่อนที่จะทำการดูดไขมัน สิ่งสำคัญที่เราจะต้องรู้นอกจากขั้นตอนการดูดแล้ว การเปรียบเทียบระหว่างข้อดี และข้อเสียเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้เราประเมินผลได้ว่าควรจะทำหรือไม่ทำดี เรามาดูกันว่าหากคิดจะ ดูดไขมันหมอลูกหนู มีข้อดีและเสียอย่างไร มาดูกัน

ข้อดีของการดูดไขมัน

  1. ในการดูดไขมัน เป็นการกระชับสัดส่วน ที่เป็นส่วนเกินให้เล็กลงได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาเข้าคอร์ดแพง ๆ หรือลดอาหารเหมือนเช่นแต่ก่อน
  2. การดูดไขมันจะทำให้ร่างกายของคุณมีความสมดุลขึ้น รูปร่างเพรียวขึ้น และการเคลื่อนไหวของร่างกายสะดวกมากยิ่งขึ้น แถมยังช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กลับมาได้อีกด้วย
  3. เมื่อหุ่นสมส่วนมากขึ้น จะทำให้คุณหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ หรือการใช้ชีวิตประจำวัน ให้มีสุขอนามัยที่ดี เพื่อให้รูปร่างคงสภาพเดิมและบอกลาไขมันส่วนเกินอย่างถาวร
  4. เมื่อหุ่นสวยการเลือกเสื้อผ้า เพื่อใส่ก็มีมากขึ้น และมีความมั่นใจในการแต่งตัวได้หลากหลายขึ้นด้วย
  5. แผลหลังการดูดไขมันเล็กมาก ทำให้คุณไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครเห็นแผลเป็นจากการดูดไขมันอย่างแน่นอน
  6. การ ดูดไขมันหมอลูกหนู ไม่ได้เจ็บอย่างที่หลาย ๆ คนคิด แถมผลข้างเคียงหลังจากทำก็แทบไม่มีเลย ไม่ต้องพักฟื้นอาการหายเร็วมาก
    ข้อเสียของการดูดไขมัน
  7. การดูดไขมัน ไม่ได้เป็นการรักษาทำให้ไม่มีผลอะไรกับสุขภาพร่างกายว่าจะดีขึ้น
  8. การดูดไขมันในระหว่างการดูด หรือหลังการดูดไขมัน อาจจะมีความเจ็บปวดบ้าง แต่ไม่มาก ซึ่งจะเจ็บมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลหรือตามส่วนต่าง ๆ ที่ทำการดูดไขมัน
  9. ในการดูดไขมันอาจจะมีผลข้างเคียงบ้างครั้ง ไม่ว่าจะเป็น อาการคลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ
  10. หลังจากดูดไขมันเสร็จหุ่นที่ออกมาอาจจะไม่สวยอย่างที่ได้คาดหวังเอาไว้ ผิวอาจจะมีคลื่นบ้าง ย้วย หย่อน ไปบ้าง แต่ผ่านไปสักระยะผิวจะกับมากระชับขึ้นตามลำดับ
  11. มีรอยเขียวช้ำ บวมบ้าง แต่ผ่านไป 1 – 2 สัปดาห์จะดีขึ้น
    การรู้ข้อดี หรือข้อเสียของการดูดไขมัน เป็นการเตรียมตัวเองอีกข้อหนึ่งที่จะช่วยให้คุณดูแลตัวเอง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น และทำตามคำแนะนำของ หมอลูกหนูดูดไขมัน อย่างเคร่งคัด เพื่อให้ผลที่ได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

สำหรับใครที่ต้องการอ่านรีวิวเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูดไขมันหมอลูกหนู สามารถคลิกเข้าไปดูได้ที่ http://www.thailadygolf.com/th/ประโยชน์ของการดูดไขมันหมอลูกหนู

« Older posts Newer posts »

© 2024 phuketboardriders

Theme by Anders NorenUp ↑